1. กระต่ายไทย (Thai Rabbit) เป็นกระต่ายพื้นบ้านของประเทศไทย มีขนสั้น ตัวใหญ่ ว่องไวปราดเปรียว หูยาว หน้าค่อนข้างแหลม มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง สามารถกระโดดได้สูง ทนต่อสภาพอากาศได้ดีและมีหลากหลายสี
3. โปลิช (Polish Rabbit) นับได้ว่าเป็นกระต่ายพันธุ์ที่เล็กที่สุดเลยก็ว่าได้ น้ำหนักโตเต็มที่ประมาณ 8 ขีด ขนเป็นสีดำ เทา แทน ขาว เป็นสีเดียวกันทั้งลำตัวหรือมีจุดสีแซมเล็กน้อย ดวงตาเล็กเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ ไม่ชอบอากาศร้อน
4. มินิลอป (Mini Lop) กระต่ายอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันอย่างมากในปัจจุบันนี้ มีลักษณะหูตก กะโหลกใหญ่ ขนสั้น แน่น เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักอยู่ประมาณ 1.8 กิโลกรัม
5. เจอร์รี่วูดดี้ (Jerry Woody) อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ขนยาวน่ารัก มีลักษณะคล้ายกับเท็ดดี้แบร์ แต่จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่า น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 2-3 กิโลกรัม
6. ฮอลแลนด์ลอป (holland Lop) พันธุ์กระต่ายที่มีลักษณะตัวป้อมหัวกลม ขนสั้นหนา นุ่มลื่น ใบหูทั้งสองข้างแนบสนิทกับแก้ม กินเก่ง มีสีมากมายหลากหลายสี ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มสีต่าง ๆ ได้มากถึง 7 กลุ่มสี โตเต็มที่จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.5 กิโลกรัม
7. พันธุ์เท๊ดดี้แบร์ (teddy bear) เสน่ห์ของเจ้กระต่ายพันธุ์นีคือจะมีขนยาวทั้งตัว ปุกปุยปัจจุบันมีด้วยกันหลายสีนับเป็นกระต่ายสายพันธุ์เล็กซึ่งเมื่อโตเต็มที่จะอยู่ที่ 1-1.5 กิโลกรัม
8. วู๊ดดี้ทอย เป็นกระต่ายพันธุ์ขนยาว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเท็ดดี้แบร์ มีขนาดเล็กกว่า ขนาดไม่เกิน 1.2 กก.ซึ่งกระต่ายสายพันธุ์นี้ จะมีนิสัย Alert และอยากเรียนรู้ อยากเห็นเป็นที่สุด
9. เร็กซ์ (Rex) เร็กซ์เป็นกระต่ายขนาดใหญ่ น้ำหนักระหว่าง 3 - 4.5 กิโลกรัม หากใครต้องการกระต่ายตัวใหญ่ ขนนุ่มเหมือนซาตินไว้กอด พันธุ์นี้แหละที่เหมาะสม แต่กระต่ายตัวผู้มีแนวโน้มจะค่อนข้างก้าวร้าวหากไม่ได้ทำหมัน
![สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์](https://i.creativecommons.org/l/by-nc-nd/4.0/88x31.png)
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น